วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเสริมความงาม


การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเสริมความงาม

1 งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แอลกอฮอลล์อย่างน้อย 5 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและอาการบวมที่ยาวนานกว่าปกติ (กรณีผ่าตัดใหญ่ให้งดบุหรี่หลังผ่าตัด 1 เดือน) เสริมหน้าอก งด ฮอร์โมนอย่างน้อย 2 เดือน
2 งดยากลุ่มแอสไพริน (aspirin) หรือไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) เช่น ยารักษาโรคไซนัส ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของยาดังกล่าว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัดเพื่อลดอาการฟกช้ำจากปัญหาเลือดคั่งหลังการผ่าตัด หากจำเป็นให้ใช้ยาพาราเซตามอนในการแก้ปวดเท่านั้น
3 งดยา สมุนไพร และอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามิน A และ E อย่างน้อย 10 วัน เนื่องจากทำให้เลือดหลุดไหลยาก และเป็นอุปสรรคในการทำผ่าตัด เช่น ผงชูรส กระเทียม หัวหอม ถั่วเหลือง อีฟนิงพริมโรส คลอโรฟิลด์ ยาลดความอ้วน ยาต้านอาการซึมเศร้า อัลมอนด์ แอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอรี่ แตงกวา ขิง มะเขือเทศ
4 แจ้งประวัติการแพ้ยา อาหารเสริมที่รับประทานอยู่และโรคประจำตัว
5 ก่อนผ่าตัดไม่ควรรับประทานอิ่มจนเกินไป แต่กรณีที่ต้องใช้ยาสลบ(การผ่าตัดใหญ่)ให้งดทั้งน้ำและอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
6 ในกรณีผ่าตัดใหญ่เช่น ทำหน้าอก ดูดไขมัน ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน
7 ลาหยุดประมาณ 4-7 วัน และควรมีคนมาเป็นเพื่อนด้วย เนื่องจากแพทย์จะให้ยานอนหลับทำให้มีอาการมึนเมาหลังจากฟื้นจากฤทธิ์ยา
8 เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการประคบเย็น เช่น ผ้าขนหนูแช่แข็งหลายๆผืน cool pad
ที่มา: http://www.drnopparat.com/

การดูแลตนเองหลังผ่าตัดริมฝีปากกระจับ ปากบาง

การดูแลตนเองหลังผ่าตัดริมฝีปากกระจับ ปากบาง
1 ประคบเย็นทันทีรอบปากหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ประคบเย็นควรเป็นวัสดุน้ำหนักเบาเช่น ใช้ผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆสัก 3 ผืนแช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด โดยประคบช่วงแก้ม หลีกเลี่ยงการประคบตรงจุดที่เป็นรอยเย็บ หากพ้นระยะ 48 ชั่วโมงแล้วให้ปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ควรประคบร้อนหรือเย็นทั้งสิ้นเพราะอาการบวมจะมีต่อไปอีกประมาณ 4-5 วัน
2 นอนยกหัวสูงหรือนั่งหลับ 48 ชั่วโมง และตระหนักไว้ว่าอาการบวมอย่างมากช่วง 3-7 วันแรกเป็นอาการปกติ ไม่ต้องกังวลเรื่องรูปทรงปากเพราะช่วงแรกปากจะบวมมากและบวมไม่เท่ากัน การเข้าที่ของอาการบวมอาจใช้เวลา 2-3 เดือน ดังนั้นไม่ควรวิตกกังวลหรือประเมินรูปทรง
ความเป็นกระจับของริมฝีปากนั้น แพทย์จะทำให้สมดุลกับความหยักของขอบปากด้านบน ดังนั้นด้วยข้อจำกัดที่แตกต่าง ความเป็นกระจับมาก-น้อยของคนไข้แต่ละรายจึงแตกต่างกันไ
ความบางของริมฝีปากมีข้อจำกัดแตกต่างเนื่องจากการยิ้มเห็นฟันของคนไข้แต่ละรายแตกต่างกัน หากยิ้มแล้วเห็นเหงือกเยอะอยู่แล้วอาจทำริมฝีปากให้บางมากไม่ได้
3 ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารร้อน ควรทานคำเล็กเพื่อเศษอาหารจะไม่ติดที่ไหม ส่วนการทำความสะอาด สามารถแปรงฟันได้ และใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง หรือน้ำเกลือผสมน้ำยาบ้วนปากที่เจือจาง ตามด้วยการบ้วนน้ำเกลือเปล่าๆอีกครั้ง วันละหลายๆรอบเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของปาก
หากมีเศษอาหารติดตามไหมสามาระใช้ syringe สูบน้ำเกลือฉีดได้ และควรเปลี่ยน syringe วันละครั้ง
4 ไหมที่ใช้เป็นไหมละลาย ไม่ต้องตัดไหม และไม่ต้องกังวลหากมีไหมค่อยๆหลุดทีละเส้นใช้เวลาประมาณ 10-14วัน ขึ้นอยู่กับความถี่ในการบ้วนน้ำเกลือและปัจจัยอืน

5 หลังจากรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนหมดแล้วไม่ต้องซื้อรับประทานเองเพิ่ม ให้ทานได้เฉพาะยาแก้ปวดพาราเซตามอนเท่านั้น ในกรณีมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมักมีสาเหตุมาจากอาการข้างเคียงจากการทานยาแก้อักเสบ Cloxacilline ให้หยุดยา หรือใช้ Amoxicilline 500mg หลังอาหาร 1 เม็ด 4 เวลา(เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) ทานยาต่อเนื่องทั้งหมด 7 วันและสามารถทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้(Domperidone)

6 ให้มาตรวจซ้ำตามใบนัด หากไม่ได้รับใบนัดให้มาตรวจซ้ำหลังผ่าตัดในช่วง 7-14 วัน
ที่มา: http://www.drnopparat.com/

การดูแลตนเองหลังผ่าตัดทำตาสองชั้น และตัดถุงใต้ตา

การดูแลตนเองหลังผ่าตัดทำตาสองชั้น และตัดถุงใต้ตา
1 ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ประคบเย็นควรเป็นวัสดุน้ำหนักเบาเช่น ใช้ผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆสัก 3 ผืนแช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด โดยประคบหน้าผาก รอบๆตา ใต้ตาและสันจมูก หากพ้นระยะ 48 ชั่วโมงแล้วให้ปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ควรประคบร้อนหรือเย็นทั้งสิ้นเพราะอาการบวมจะมีต่อไปอีกประมาณ 4-5 วัน
2 นอนยกหัวสูงหรือนั่งหลับ 48 ชั่วโมง และตระหนักไว้ว่าอาการบวมจนตาปิดหรือมีอาการฟกช้ำโดยรอบช่วง 3-7 วันแรกเป็นอาการปกติ และบางรายอาจมีอาการเลือดคั่งด้วยเช่นกันซึ่งสามารถให้แพทย์ดูดออกภายหลังได้

3 เมื่อพ้นระยะ 24 ชั่วโมงให้ดึงปลาสเตอร์ปิดตาออก ห้ามแผลโดนน้ำเด็ดขาด7 วัน ดังนั้น การทำความสะอาดหน้า 3-4 วันแรกให้ใช้สำลีหรือผ้าชุบน้ำเช็ดทั่วใบหน้าอย่าให้โดนแผลเด็ดขาด
4 ผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แห้งและเย็น งดอาหารรสเผ็ดลดการเหงื่อออกจะช่วยให้แผลสะอาดแห้งไว

5 หลังจากรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนหมดแล้วไม่ต้องซื้อรับประทานเองเพิ่ม ให้ทานได้เฉพาะยาแก้ปวดพาราเซตามอนเท่านั้น ในกรณีมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมักมีสาเหตุมาจากอาการข้างเคียงจากการทานยาแก้อักเสบ Cloxacilline ให้หยุดยา หรือใช้ Amoxicilline 500mg หลังอาหาร 1 เม็ด 4 เวลา(เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) ทานยาต่อเนื่องทั้งหมด 7 วันและสามารถทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้(Domperidone)

6 ในช่วง 3-4 วันแรกคนไข้อาจมีอาการน้ำเหลืองหรือเลือดจางๆซึมออกมาจากแผลให้ปล่อยเลือดแห้งกรังไว้ได้เป็นอาการปกติ แต่ถ้าทนไม่ไหวให้ใช้คัตตอนบัดชุบเบตาดีนซับเบาๆ ในบริเวณนั้นๆ ห้ามเช็ดหรือถูแผลเด็ดขาด (อาการเหล่านี้แตกต่างกันตามรายบุคคล เช่นผู้ที่มีผิวหน้ามัน แผลจะแห้งช้ากว่า เป็นต้น)
การใช้ยารักษาแผลเป็น หลังจากแผลผ่าตัดแห้งแล้วเท่านั้นจะสามารถใช้ยารักษาแผลเป็นได้ และแต่งหน้าได้หลังผ่าตัด 7-10 วัน หลีกเลี่ยงการกรีดอายไลเนอร์และแต่งตาช่วง2-3สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์ การขยี้ตา การยกของหนัก การใช้สายตามากๆช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด
7 ไม่ต้องตกใจหากมีเลือดซึมจากแผลที่เปลือกตามาแห้งกรังทั่วบริเวณจำนวนมาก และห้ามแคะแกะเกา

8 มาตรวจซ้ำตามใบนัดแพทย์ หากมีอาการผิดปกติแพทย์จะสามารถแก้ไขให้ได้ทันท่วงที สำหรับคนไข้ที่แพทย์ไม่ได้ทำการตัดไหมให้อาจเป็นเพราะแผลยังไม่แห้งสนิท ดังนั้นหากรู้สึกรำคาญสามารถให้แพทย์ท่านอื่นตัดได้
ในกรณีไม่ได้ใบนัดแพทย์ให้เข้ามาตรวจในวันที่สะดวกหลังวันผ่าตัด 7-14 วัน เช่นผ่าตัดวันที่ 1 มกราคม ให้เข้ามาตรวจซ้ำตั้งแต่วันที่ 7-14 มกราคม
9ไม่ควรส่องกระจก คาดเดารูปทรงในช่วง 2-6 สัปดาห์แรก จะทำให้คนไข้เกิดอาการวิตกกังวลในรูปทรง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ยังมีอาการบวมอยู่
ที่มา: http://www.drnopparat.com/

การดูแลตนเองหลังการผ่าตัดเสริมคาง

การดูแลตนเองหลังการผ่าตัดเสริมคาง
1 ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ประคบเย็นควรเป็นวัสดุน้ำหนักเบาเช่น ใช้ผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆสัก 3 ผืนแช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด หลีกเลี่ยงการกดแรงๆตรงจุดที่มีซิลิโคนอยู่ หากพ้นระยะ 48 ชั่วโมงแล้วให้ปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ควรประคบร้อนหรือเย็นทั้งสิ้นเพราะอาการบวมจะมีต่อไปอีกประมาณ 4-5 
วัน
2 นอนยกหัวสูงหรือนั่งหลับ 48 ชั่วโมง และตระหนักไว้ว่าอาการบวมอย่างมากช่วง 3-4 วันแรกเป็นอาการปกติ และช่วง1-2เดือนแรกยังไม่ต้องอารมณ์เสียกับคางที่ใหญ่เกินไปเพราะยังมีอาการบวมอยู
3 การผ่าตัดคางจะผ่าจากด้านในปาก ทำให้มีแผลในปาก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดอง อาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยวในช่วงแรก ส่วนการทำความสะอาดให้บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ไม่ทำให้เกิดอาการแสบ หรือน้ำเกลือผสมน้ำยาบ้วนปากที่เจือจาง ตามด้วยการบ้วนน้ำเกลือเปล่าๆอีก1ครั้ง ในช่วง 3-4 วันแรก หากต้องการแปรงฟันสามารถใช้ยาสีฟันที่ไม่ทำให้เกิดอาการแสบได้ตั้งแต่วันแรกหลังผ่าตัด
ไม่ควรใช้ลิ้นดุนไหมในปากเล่น
4 หลังจากรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนหมดแล้วไม่ต้องซื้อรับประทานเองเพิ่ม ให้ทานได้เฉพาะยาแก้ปวดพาราเซตามอนเท่านั้น ในกรณีมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมักมีสาเหตุมาจากอาการข้างเคียงจากการทานยาแก้อักเสบ Cloxacilline ให้หยุดยา หรือใช้ Amoxicilline 500mg หลังอาหาร 1 เม็ด 4 เวลา(เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) ทานยาต่อเนื่องทั้งหมด 7 วันและสามารถทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้(Domperidone)
5 วันที่ 4 หลังการผ่าตัดให้แกะเฝือกที่ติดคางออก(แกะเฝือกเป็นกรณีแผลใน)ได้โดยใช้น้ำอุ่นช่วยในการลูบเบาๆให้พลาสเตอร์ค่อยๆลอกออก
6 ต้องมาตรวจซ้ำตามใบนัดแพทย์ หากมีอาการเอียงแพทย์จะสามารถใช้มือดัดแก้ไขให้ตรงได้ทันเวลา แต่หากไม่มาอาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัด
ในกรณีไม่ได้ใบนัดแพทย์ให้เข้ามาตรวจในวันที่สะดวกหลังวันผ่าตัด 7-14 วัน เช่นผ่าตัดวันที่ 1 มกราคม ให้เข้ามาตรวจซ้ำตั้งแต่วันที่ 7-14 มกราคม
7 ไม่ควรคาดเดารูปทรงในช่วง 2-6 สัปดาห์แรก จะทำให้คนไข้เกิดอาการวิตกกังวลในรูปทรง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ยังมีอาการบวมอยู่
ที่มา: http://www.drnopparat.com/

ข้อควรปฎิบัติหลังฉีดโบท็อก


ข้อควรปฎิบัติหลังฉีดโบท็อก
1 หลังฉีด ทันที ไม่ควรจับ ลูกคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการกระจายตัวของตัวยา
2 ภายใน 4 ชั่วโมง หลังฉีดใหม่ๆ ยังไม่ควรไปนอนราบ หรือนอนตะแคง เพราะในช่วง 4 ชั่วโมงแรก เป็นช่วงการซึมของยาเข้ากล้ามเนื้อ ถ้านอนตะแคงจะทำให้การกระจายตัวของยาผิดจากตำแหน่งที่แพทย์คาดการณ์ไว้ได้ เมื่อเลย 4 ชั่วโมงไปแล้ว สามารถนอน หรือตะแคงได้ตามปกติ
3 ภายใน 4 ชั่วโมงแรก หลังฉีดโบท๊อกซ์ มีความสำคัญมากๆ ต้องบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อที่ต้องการให้ออกฤทธิ์มากที่สุด เช่น ฉีดหางตา ควรยิ้มบ่อยๆ ฉีดหน้าผากควรยักคิ้วบ่อยๆ หรือฉีดกรามควรเคี้ยวหมากฝรั่ง 15-30 นาที่ หรือ 4 ชั่วโมง ตามดุลยพินิจแพทย์
4 ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรงดการเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ ทำ RF หรือ ไอออนโตที่หน้า เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อโบท๊อกซ์ได้ใน 2 สัปดาห์แรกความร้อนที่สามารถโดนได้คือ ไดร์เป่าผม อาบน้ำอุ่น (งดบริเวณที่ฉีด โบท๊อกซ์) และโดนแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไปได้ตามปกติ
5 หลังฉีดแต่งหน้า ทาแป้ง ทาครีมได้ตามปกติ เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์สามารถทำ Treatment ได้ตามปกติ (ยกเว้น Laser, RF และ Ionto ต้องรอ 2 สัปดาห์)
6 สำหรับการฉีดโบท๊อกซ์ที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม และน่อง ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-4 สัปดาห์ ดังนั้น ช่วงแรกๆ อาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ฤทธิ์ยาจะมีผลสูงสุดในช่วง 4-8 สัปดาห์ (1-2 เดือน) และจะหมดฤทธิ์เมื่อครบเวลา 4-6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านี้ กรณีที่ฉีดโบท๊อกซ์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ดังนั้นถ้าจะให้เห็นผลในการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามและน่องอย่างมีประสิทธิภาพควรฉีดต่อเนื่องกันทุก 4-6 เดือน ประมาณ 3-4 ครั้ง เมื่อหยุดฉีดขาดกล้ามเนื้อจะเปลี่ยนไปจนสังเกตได้
7 ใน 2 วันแรก งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ จะเพิ่มระบบการไหลเวียนของเลือด และจะเป็นการล้างยาโบท๊อกที่ฉีดไป
8หลังฉีดสามารถรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
9 กรณีที่มีอาการข้างเคียง ตามรายการด้านล่างให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำแพทย์ดังนี้
หลังฉีดอาจมีรอยเข็มแดงๆ ในบริเวณที่ฉีด จะหายเองภายใน 1 วัน อาจบวมเฉพาะจุดเล็กน้อยได้ และค่อยๆ ยุบลงภายใน 2-3 ชั่วโมง
10 อาจเกิดรอยเขียวช้ำได้เล็กน้อย มักเจอในคนที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin หรือ วิตามิน E/ อาหารเสริมบางชนิด เช่น Fish oil, Primrose อยู่ด้วย ซึ่งรอยเขียวช้ำจะค่อยๆ จางลงภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้น ช่วงแรกสามารถทาแป้ง, Concealer หรือรองพื้น ปกปิดบริเวณที่เขียวช้ำไว้ก่อนได้
11 สำหรับการฉีดโบท๊อกซ์ที่กล้ามเนื้อมัดเล็ก ได้แก่ หน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์ ภายใน 3-7 วัน กรณีฉีดหลายๆ ต่ำแหน่งพร้อมกันอาจทำให้มีการตาแห้ง ตามัวเล็กน้อย ยักคิ้วได้ยาก ขมวดคิ้วได้ยากในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และจะค่อยๆ ดีขึ้นเองจนเป็นธรรมชาติในสัปดาห์ที่ 3-4
ที่มา: http://www.drnopparat.com/

การดูแลตัวเองหลังร้อยไหม


การดูแลตัวเองหลังร้อยไหม

รับประทานยาแก้อักเสบ ในช่วงสัปดาห์แรกหลังจากร้อยไหม ควรรับประทานยาแก้อักเสบ หรือยาฆ่าเชื้อ เพื่อช่วยให้บรรเทาอาการบวมแดงและลดการอักเสบติดเชื้อของแผล
1 ประคบเย็นลดอาการบวม สำหรับใครที่แผลช้ำ หรือมีอาการบวมมากเป็นพิเศษ อาจนำน้ำแข็งห่อผ้าแล้วประคบบริเวณที่ร้อยไหมทุก ๆ 4 ชั่วโมง ร่วมกับการรับประทานยาลดบวม
2ไม่ถูหน้า หรือล้างหน้าแรง ๆ สิ่งสำคัญที่ควรระวังมากเป็นพิเศษคือ การทำความสะอาดหน้า รวมถึงการสัมผัสผิวหน้าในช่วงเดือนแรก ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าแบบลูบ หรือถูหน้าแรง ๆ โดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นไหมเคลื่อนตัวหรือบิดเบี้ยว
3 งดกิจกรรมเสริมความงามเกี่ยวกับผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำทรีทเม้นท์ เลเซอร์ นวดหน้า ขัดผิวต่าง ๆ รวมถึงการอบไอน้ำ อบซาวน่า และการทำศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้แผลเสี่ยงต่อการอักเสบจนอาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามในอนาคต
4 หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการกดทับแผลบริเวณที่ทำการร้อยไหม ควรนอนหงายแทนการนอนคว่ำและการนอนตะแคงก่อนในช่วงเดือนแรก
5 งดอาหารแสลง และตัวยาบางชนิด ได้แก่ อาหารทะเล ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกลุ่มยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันสกัดบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณทำให้เลือดหยุดไหลช้า และทำให้เกิดแผลฟกช้ำได้ง่า
6 พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ ในกรณีของคนที่มีอาการอักเสบบวม มีอาการปวดแผลติดต่อกันหลายวัน หรือเส้นไหมโผล่ออกมา แนะนำว่าไม่ควรรอดูอาการ หรือทำการตัดไหมออกเองโดยเด็ดขาด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจรักษาตามอาการอย่างทันท่วงที
ที่มา: http://www.drnopparat.com/

ร้อยไหมที่ อธิษฐ์ คลินิก หมอเอ้ โคราช


ร้อยไหมเพื่อ

ปรับหน้าวีเชพ แก้หนังตาตก ยกคิ้ว ยกมุมปาก ลดร่องแก้ม ลดเหนียงใต้คาง ยกกรอบหน้า ลดริ้วรอยที่หน้า คอ หางตา ไหมธรรมดา ไหมเกลียว ไหมเงี่ยง/ก้างปลางดร้อยไหม วันพุธ พฤหัสครับ
โปรโมชั้นสุดคุ้ามหน้าเรียวหน้าวีเชพ
 โปรโมชั้นสุดคุ้ามหน้าเรียวหน้าวีเชพ

ข้อแนะนำหลังการทำ Meso(ทุกชนิด)บริเวณใบหน้า

ข้อแนะนำหลังการทำ Meso(ทุกชนิด)บริเวณใบหน้า

– ห้ามออกแดดหลังการทำเสร็จใหม่ๆ และห้ามโดนแดดแรงๆหลังจากทำเป็นเวลา 2 วัน
– ห้ามล้างหน้า 4 - 6 ชม. เพื่อให้ผิวดูดตัวยาที่ยังอยู่บนชั้นผิว
– หลังจากครบกำหนด ให้ล้างหน้าและลงครีมได้ปรกติ(แต่ให้เน้นใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน ทาแบบจัดหนักได้เลยหรือใช้แผ่นมามาร์คหน้าที่เป็นแบบวิตามินซี เพราะช่วงนี้หน้ากำลังดูดซึมได้ดีเยี่ยม ห้ามใช้ครีมจำพวก Whitening หรือครีมหน้าขาวต่างๆ (ใช้ได้แต่ครีมบำรุงที่มีวิตามิน)
ที่มา: http://www.drnopparat.com/

ทำเมโสต่วงๆได้ที่  Athit Clinic โคราช

เมโสหน้าขาวใส, เมโสแฟตลดไขมัน,   หลุมสิวและเดอมาฟิก, ผลักวิตามิน cool bright,    ย่น,คลื่นแสง   , เมโสปลูกผม(ศีรษะล้าน) เมโสผิวแตกลาย, เมโส สเต็มเซลล์ คืนความอ่อนเยาว์,เมโสรอยสิว, เมโสหลุมสิว, เมโสลอกฝ้า, เมโสหน้าฉ่ำ ชุ่มชื่น, เมโสมาเด้, เมโส X-DNA อสุจิปลาแซลมอน

ใช้เวลากีวันเข้าที่

การเสริมความงามใช้เวลากี่วันเข้าที่


การดูแลตนเองหลังการผ่าคัดเสริมจมูก

การดูแลตนเองหลังการผ่าคัดเสริมจมูก แก้ไขจมูก และตัดปีกจมูก

1 ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง เช่น ใช้เจลแพ็คหรือผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆสัก 3 ผืนแช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด โดยประคบบนจมูก หน้าผาก และบริเวณรอบๆ หลังจากนั้นไม่จำเป็นต้อง
ประคบต่อ อาการบวมจะมีต่อไปอีกประมาณ 4-14 วัน
2 นอนยกหัวสูงหรือนั่งหลับ 48 ชั่วโมง และตระหนักไว้ว่าอาการบวมจนตาปิดช่วง 3-4 วันแรกเป็นอาการปกติ และช่วง 8 วันแรกยังไม่ต้องอารมณ์เสียกับรูปทรงจมูกเพราะอาการบวมยังมีมากอยู่จนไม่อาจทราบทรงจมูกที่แท้จริงได้ อาการบวมช้ำจะยาวนานแตกต่างกันไปในแต่ละรายช่วง 4-14 วัน ไม่ต้องวิตกกังวลและไม่ควรส่องกระจกประเมินทรงจมูกในช่วงแรก

3 ห้ามแผลผ่าตัดโดนน้ำ 7 วัน(กรณีที่มีการผ่าตัดกระดูกอ่อนหลังหูด้วย ห้ามแผลหลังหูโดนน้ำ 7 วัน) ดังนั้น การทำความสะอาดหน้า 3-4 วันแรกให้ใช้กระดาษซับมัน หลังจากนั้นใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดทั่วใบหน้า หลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งบริเวณดั้งจมูก

4 ผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงฝุ่นที่เป็นสาเหตุให้แพ้อากาศ หากมีน้ำมูกให้รีบทานยาแก้แพ้ทันที หลีกเลี่ยงการไอ จาม และสั่งน้ำมูก

5 หลังจากรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนหมดแล้วไม่ต้องซื้อรับประทานเองเพิ่ม ให้ทานได้เฉพาะยาแก้ปวดพาราเซตามอนเท่านั้น ในกรณีมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมักมีสาเหตุมาจากอาการข้างเคียงจากการทานยาแก้อักเสบ Cloxacilline ให้หยุดยา หรือใช้ Amoxicilline 500mg หลังอาหาร 1 เม็ด 4 เวลา(เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) ทานยาต่อเนื่องทั้งหมด 7 วันและสามารถทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้(Domperidone)

6 วันที่ 4 หลังการผ่าตัดให้แกะเฝือกที่ติดจมูกออกได้โดยใช้น้ำอุ่นลูบเบาๆเพื่อให้กาวละลายและลื่น ซึ่งอาจใช้เวลานานพอสมควร

แล้วจะค่อยๆยุบลง โดยช่วงหัวตาจะยุบช้าที่สุด ดังนั้นหากรู้สึกว่าหัวตาดูโตไม่ต้องกังวล
7 ในช่วง 3-4 วันแรกคนไข้อาจมีอาการน้ำเหลืองหรือเลือดจางๆซึมออกมาจากแผล ให้ใช้คัตตอนบัดซับเบาๆ และแต้มเบตาดีนเบาๆ ในบริเวณที่มีน้ำเหลืองซึมออกมา ห้ามเช็ดหรือถูโดยเด็ดขาด แต่ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลในทุกกรณี ส่วนอาการเจ็บปวดบริเวณแผลในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกเป็นอาการปกติ อาจเกิดขึ้นได้ในบางราย
8 วันหลังจากแผลผ่าตัดแห้งแล้วเท่านั้นจะสามารถใช้ยารักษาแผลเป็นได้ สามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 10-14 หลังวันที่ผ่าตัด
9 ในกรณีตัดปีกจมูก คนไข้ไม่ต้องตกใจหากแผลมีอาการแฉะ สามารถกดและซับบริเวณที่แฉะ และแต้มเบาเบาด้วยไม้พันสำลีชุบเบตาดีนครั้งเดียวเท่านั้นและปล่อยให้แผลแห้ง ห้ามเช็ดหรือถูโดยเด็ดขาด (ไม่ควรใช้เบตาดีนบ่อย ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลในทุกกรณี ควรปล่อยให้แผลแห้งตามธรรมชาติ)

10 ต้องมาตรวจซ้ำตามใบนัด หากมีอาการเอียงแพทย์จะสามารถใช้มือดัดแก้ไขให้ตรงได้ทันเวลา หากมีปัญหาแล้วไม่มาตามนัดอาจไม่สามารถแก้ไขได้ สำหรับคนไข้ที่แพทย์ไม่ได้ทำการตัดไหมให้อาจเป็นเพราะแผลยังไม่แห้งสนิท ดังนั้นหากรู้สึกรำคาญสามารถให้แพทย์ท่านอื่นตัดได้
ในกรณีไม่ได้ใบนัดแพทย์ให้เข้ามาตรวจในวันที่สะดวกหลังวันผ่าตัด 7-14 วัน เช่นผ่าตัดวันที่ 1 มกราคม ให้เข้ามาตรวจซ้ำตั้งแต่วันที่ 7-14 มกราคม
หากตัดปีกจมูกควรมาตัดไหม 7 วันหลังวันผ่าตัด และหลังจากตัดไหมหากมีไหมโผล่ออกมาสามารถเข้ามาตัดได้

11 รับประทานอาหารอ่อนๆในช่วง 3-4 วันแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการกระแทกและขยับเขยื้อนของจมูก รวมไปถึงอาหารรสเผ็ดที่จะทำให้มีน้ำมูกไหลได้
12 กรณีหลังการตัดไหมยังพบเส้นไหมอยู่สามารถตัดเองได้เลย (ไม่ควรใช้การดึง)

13 ไม่ควรคาดเดารูปทรงในช่วง 2-6 สัปดาห์แรก จะทำให้คนไข้เกิดอาการวิตกกังวลในรูปทรง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ยังมีอาการบวมอยู่
ที่มา: http://www.drnopparat.com/

เสริมจมูกที่ Athit Clinic หมอเอ้ โคราช

การดูแลตัวเองหลังการทำเมโสแฟต

เมโสแฟต ลดไขมันเฉาะส่วน

เมโสเฟตคือการฉีดตัวยาเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการให้ไขมันแตกตัวออกแล้วดูดกลับเข้าระบบน้ำเลือดน้ำเหลืองเพื่อให้ได้ผลดีจึงควรดื่มน้ำมาก

ตัวยาจะใช้ของอย่างดีได้มาตรฐานยานำเข้าจากประเทศสเปน
ตัวยาแบ่งเป็น2ชนิด
1.ฉีดบริเวณหน้าจะไม่เจ็บไม่ปวดไม่บวม
2.ฉีดบริเวณแขนขาและลำตัว จะมีอาการเมื่อยๆและตึงๆนิด 2-3วันจะหายไปเอง
ปริมาณการฉีด
หน้า 6 ml.
แขน2ข้าง 6 ml.
หน้าท้อง 12 ml.
ต้นขา2ข้าง 12 ml.
น่อง2ข้าง 12 ml.
ควรฉีดต่อเนื่องสัปดาห์ละ1ครั้ง
ตอบคำถามที่พบบ่อย
1.จะลดลงตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อให้ได้ผลที่ชัดเจนแนะนำทำครบคอร์ส 6ครั้ง
2. ควรฉีดต่อเนื่องสัปดาห์ละ1ครั้ง
3.จะลดลงได้มากขนาดไหนขึ้นกับการปฏิบัติตัวเป็นหลัก การฉีดตัวยาคือการไปสลายไขมันเก่า แต่ถ้ารับประทานมากไม่ควบคุมอาหารของใหม่จะมาสะสมเพิ่มได้
การออกกำลังกายในส่วนที่ฉีดร่วมด้วยจะทำให้เห็นผลชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ปกติเมื่อทำครบคอร์ส แขนจะลดได้6-8 cm. ขาและน่องจะลดได้ 10-15 cm. หน้าท้อง 15- 25 cm.
ข้อควรปฏิบัติหลัง
1. เมโสแฟต ควรดื่มน้ำวันละอย่างน้อย 2 ลิตร เพราะไขมันเหลวที่โดนสลายด้วยการฉีดสลายไขมันจะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการดื่มน้ำมากๆ จะช่วยขับไขมันส่วนเกินที่สลายให้ออกจากร่างกายได้มากขึ้น
2. ช่วงที่เว้นการฉีดยาสลายไขมัน แนะนำให้ทำ RF เพื่อช่วยรีดไขมันออกจากร่างกายเร็วขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อกระชับได้มากขึ้น ลดการหย่อนคล้อยหลังฉีด นอกจากนี้อาจจะเสริมด้วยการฉีดสลายไขมันด้วยเครื่อง Slimming Machine และการอบสลายไขมันด้วยตู้อินฟาเรด
3. เมโส อาจจะพบอาการบวมซ้ำ หรืออาการเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย ขณะที่ทำและหลังทำ 1-3 วัน ดังนั้นควรเลียงการ เขาอบซาวน่า การนวด การดิ่มอัลกอฮอล์ หรือการทำทรีทเม้นท์ใดๆ หลังทำประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อลดการฟกซ้ำให้น้อยลง
4. ควรเดินออกกำลังกายเบาๆ หลังทำ เช่น การเดินเร็ว โยคะ แอโรบิค อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับและรีดไขมันให้ออกจากร่างกายเร็วขึ้น ลดการสะสมของไขมันใหม่
5. เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เพื่อควบคุมน้ำหนัก และไขมันส่วนเกินมิให้กลับมาสะสมได้อีก เพราะการสลายไขมันด้วยการฉีดยาไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และมีวินัยในการควบคุมน้ำหนักให้มากขึ้น ฉีดสลายไขมัน

โปรโมชั่นการทำเมโสแฟตที่ Athit Clinic คลิกรูปเพื่อขยายดูราคาโปรโมชั่น


ข้อห้ามในการทำ

1.อายุน้อยกว่า 18 ปี

2.สตรีมีครรภ์ หรือภาวะให้นมบุตร

3.คนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ

4.คนไข้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน

5.คนไข้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนา
6.คนไข้ที่มีโรคติดเชื้อ หรือ คนไข้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

รักษาสิว สิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวอุดตัน

รักษาสิว ด้วย Acne blue lightโปรแกรม

1.ผลักวิตตามินสดรักษาสิว 5ตัวยาด้วยเครื่อง Cryo cooling
2.ฉายแสงสีฟ้ารักษาสิวด้วยเทคโนโลยี blue light therapy
3.Acne mask
Athit Clinic โคราช
รักษาสิว ด้วย Acne blue lightโปรแกรม
รักษาสิวชุดสุดคุ้ม
สิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวอุดตัน ผิวหน้าสวย ด้วยคอร์ส Ance Away 7 ขั้นตอน ที่ Athit Clinic โคราช 


รักษาสิวชุดประหยัด
รักษาสิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวอุดตัน ผิวหน้าสวย ด้วยคอร์ส Ance Away 7 ขั้นตอน

รักษาสิวผิวหน้าด้วยคลื่นแส

รักษาสิว รอยแดง รอยดำ ฝ้า กระ ลดริ้วรอย ลดบวม ด้วย ไลท์เทอราพี้ (Light Therapy) ครั้งละ 300 บาท คอร์ส 5 ครั้ง แถม 1 ครั้ง 1,500 บาท